วันเสาร์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

Outburst ของ ดาวหาง ISON

ขณะนี้ดาวหาง ISON กำลังมุ่งหน้าเข้าสู่วงโคจรของดาวพุธแล้วครับ และเริ่มตอบสนองต่อพลังงานของดวงอาทิตย์อย่างรุนแรง โดยหัวโคมาของดาวหางเริ่มเกิดการปะทุหรือที่เรียกว่า Outburst ขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ดาวหางทีความสว่างเพิ่มขึ้นอย่างฉับพลัน 




ตำแหน่งของดาวหาง ISON บนวงโคจร ในวันที่ 23 พ.ย. 2013


ถึงวันนี้แม้ว่าการติดตามสังเกตการณ์ดาวหาง ISON ผ่านเครือข่ายกล้องโทรทรรศน์ในต่างประเทศของผมต้องหยุดลง เนื่องจากดาวหางปรากฏอยู่ใกล้ขอบฟ้ามากเกินกว่าลิมิตของกล้องดูดาวจะถ่ายภาพได้ แต่ก็ยังมีนักดาราศาสตร์สมัครเล่นอีกหลายท่านที่มีกล้องดูดาวเป็นของตนเอง และยังคงติดตามถ่ายภาพดางหางอยู่อย่างต่อเนื่องจนถึงในขณะนี้ ทำให้เราสามารถติดตามการเปลี่ยนแปลงความสว่างของดาวหางได้โดยไม่ขาดช่วง


กราฟการเปลี่ยนแปลงความสว่างของดาวหาง (Visual Magnitude)


ดาวหาง ISON ขณะนี่มีความสว่างถึงแมกนิจูดที่ 4 แล้ว และเริ่มมีรายงานการสังเกตการณ์ด้วยตาเปล่าบ้างแล้ว สำหรับที่เมืองไทยเอง ใครที่อยากเห็นอาจต้องขึ้นไปทางเหนือน่าจะมีโอกาสมากว่านะครับ ตอนนี้ที่เชียงใหม่ก็เริ่มมองเห็นได้กันแล้ว ด้วยตาเปล่าอาจจะลำบากสักหน่อย แต่ถ้าใช้กล้องสองตาช่วยน่าจะสังเกตได้ไม่ยากครับ


กลับมาเรื่องการเกิด Outburst ของดางหางกันนิดนะครับ การเกิด Outburst หรือการปะทุของดาวหางนั้นสามารถสังเกตได้จากอัตราการปลดปล่อยอนุภาคฝุ่นของดาวหางที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ปริมาณฝุ่นที่เพิ่มขึ้นจะทำให้หัวโคมาของดาวหางมีขนาดเพิ่มขึ้น และสะท้อนแสงจากดวงอาทิตย์ได้มากขึ้น เป็นผลให้ดาวหางมีความสว่างเพิ่มมากขึ้นนั้นเอง โดยปกติแล้วก่อนที่ดาวหางจะเกิดการปะทุขึ้น การปลดปล่อยอนุภาคฝุ่นของดาวหางจะค่อยๆ เพิ่มสูงขึ้นมาระยะหนึ่ง ปริมาณฝุ่นที่สะสมอยู่รอบๆ จะทำให้หัวโคมาของดาวหางขยายขนาดเพิ่มขึ้น จนกระทั้ง...บูม! เกิดการปะทุอย่างรุนแรง มีปริมาณฝุ่นถูกปลดปล่อยออกมาอย่างมากในช่วงเวลาสั้นๆ ทำให้ดาวหางมีความสว่างเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงเวลาหนึ่ง แล้วจากนั้นจะค่อยๆ ลดลงครับ หากการปะทุรุนแรงมาก อาจทำให้หัวโคมาแตกออกเป็นชิ้นๆ ได้ ซึ่งความสว่างก็จะฮวบลงอย่างรวดเร็วเช่นกัน

อัตราการปลดปล่อยอนุภาคฝุ่นของดาวหางนั้น นักดาราศาสตร์จะอธิบายด้วยค่าพารามิเตอร์ตัวหนึ่งที่เรียกว่า Afρ (ออกเสียงว่า Af-rho) ครับ ด้วยการวิเคราะห์ค่าความสว่างรอบๆ หัวโคมา ร่วมกับการพิจารณา ระยะห่างระหว่างโลก ดาวหาง และดวงอาทิตย์ เพื่ออธิบายผลของค่าความสว่างทีี่เกิดจากการปลดปล่อยอนุภาคฝุ่นรอบๆ หัวโคมาของดาวหาง หากท่านใดสนใจศึกษารายละเอียดในเชิงลึก คลิกที่นี้เลยครับ


กราฟแสดงการเปลี่ยนแปลงค่า Afρ ของดาวหาง ISON ในช่อง 30 วัน
[Credet: Cometas_Obs]


จากกราฟแสดงการเปลี่ยนแปลงค่า Afρ ด้านบน เห็นได้ชัดครับว่า ดาวหาง ISON มีการปลดปล่อยอนุภาคฝุ่นเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในวันที่ 14 พ.ย. 2013 และค่อยๆ ลดลง จนกระทั่งในวันที่ 20 พ.ย. 2013 ได้มีสัญญาณของการปะทุรอบที่ 2 ขึ้นอีก ไม่รู้ว่าหากดาวหางเข้าใกล้ดวงอาทิตย์มากขึ้นกว่านี้ จะมีการปะทุเกิดขึ้นอีกสักกี่ครั้ง ต้องติดตามต่อไปครับ


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น